ในยุคปัจจุบันนี้การตลาดมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป การที่จะทำให้ลูกค้าสนใจและติดกับแบรนด์สินค้าของเรา ผู้ประกอบการอย่างเราจึงมีหน้าที่หากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้า สิ่งที่ลูกค้าหรือผู้บริโภคสนใจอย่างแรกนั้นคือ “บรรจุภัณฑ์”
สมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบมือรางวัลระดับโลก ผู้ก่อตั้งบริษัท Prompt Design กล่าวในหัวข้อ "Thai Packaging Trends 2020" ว่า 6 เทรนด์บรรจุภัณฑ์สำคัญ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ได้แก่
1. Mass Customization Packaging : สร้างความแตกต่าง แม้ขายในตลาดแมส
สินค้าต่างๆ เมื่อต้องวางขายบนชั้นวางสินค้า จะทำอย่างให้ไรให้สินค้าดูโดดเด่นสะดุดตาผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือการสร้างความแตกต่างผ่านบรรจุภัณฑ์ของสินค้า การดึงดูดความสนใจของลูกค้าอาจทำได้โดยมีการหยิบธีมต่างๆ เข้ามาสร้างสรรค์แพคเกจจิ้งให้เหมาะสม เช่น การทำแพคเกจจิ้งตามเทศกาลต่างๆ หรือตัวอย่างน้ำดื่มแบรนด์สปริงเคิล ที่ได้เปลี่ยนจากขวดน้ำใสในตลาดน้ำดื่มธรรมดาทั่วไป มาเป็นขวดน้ำดื่มที่มีดีไซน์มากกว่า 30 สี เป็นขวดน้ำที่น่าสะสม
2. Be Simple, Bold and Clear : ดีไซน์เรียบง่าย น้อยแต่มาก สไตล์มินิมอล
ในบางครั้งผู้ประกอบการใช้สีสัน รูปแบบการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มากจนเกินไป อาจทำให้ลูกค้าเกิดความสับสนในตัวผลิตภัณฑ์ได้ ดังนั้นการออกแบบที่ดีควรสื่อสารให้ลูกค้าทราบถึงตัวสินค้าได้ทันที เช่น Muji ร้านขายสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นที่เน้นสไตล์มินิมอล เรียบง่าย น้อย ไม่มีลวดลาย จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ หรือตัวอย่างแบรนด์ น้ำอ้อย "ไร่ไม่จน" ที่ขวดออกแบบเหมือนปล้องอ้อย สามารถนำมาต่อกันให้เป็นลำอ้อยขึ้นมาได้ สร้างความน่าสนใจสะดุดตาต่อผู้บริโภค
3. Culture Story : การบอกเล่าเรื่องราว
เป็นกลยุทธ์อีกทางหนึ่งที่ผู้ประกอบการสามารถเอาชนะกับแบรนด์สินค้าใหญ่ๆได้ บางครั้งการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของสินค้า การแสดงเรื่องราวที่ผสมผสานเอกลักษณ์วัฒนธรรม หรือการแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นของแหล่งผลิตสินค้า จะเป็นสิ่งที่เสริมให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์สินค้า สร้างมูลค่าให้เพิ่มให้กับสินค้า และเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเกิดความสนใจมากขึ้น และอาจทำให้เกิด Viral หรือการแชร์ต่อบอกต่อในโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย
4. Packaged Planet : เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ง่าย
แนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันนี้แน่นอนว่า ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และนี้ถือเป็นโอกาสอีกทางหนึ่งที่ผู้ประกอบการที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับแบรนด์ของตัวเองได้ หากผู้ประกอบการคนไหนที่กำลังมองหาจุดขายที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร แนวทางนี้ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะสามารถให้ผู้บริโภคประทับใจและบอกต่อกันอย่างแน่นอน เช่น Ikea เปลี่ยนการใช้หลอดพลาสติก มาเป็นหลอดกระดาษที่สามารถย่อยสลายได้
5. New Experience : สามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้แก่ลูกค้า
การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำหรือการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้นั้น สิ่งที่สำคัญคือ การลองคิดแทนลูกค้าว่า ถ้าเราได้เปิดกล่องสินค้าแล้วสิ่งแรกที่เราอยากเห็นคืออะไร เช่น เปิดกล่องเจอการ์ดอวยพร หรือการ์ดขอบคุณจากเจ้าของร้าน หรือ เปิดมาแล้วเห็นว่าสินค้าถูกบรรจุด้วยวัสดุกันกระแทกอย่างดี เป็นต้น หากเราสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้แล้ว โอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำ หรือการบอกต่อความประทับใจของลูกค้าที่มีต่อสินค้าจะมีอย่างแน่นอน
6. Collaboration X : จับมือทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างแบรนด์
เนื่องจากปัจจุบันลูกค้ามีความต้องการที่มากขึ้นทำให้แบรนด์ต่างๆ ต้องหาวิธีสร้างนวัตกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่าง ซึ่งอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ใช้คือ การร่วมมือกันระหว่างแบรนด์เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้าและบรรจุภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น บัตร Debit ของธนาคารกรุงเทพ ที่นำตัวการ์ตูนของ Line มาใช้เป็นภาพบนบัตร ก็จะสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบตัวการ์ตูนของ Line มาใช้บัตรของธนาคารมากขึ้น
สนใจเลือกซื้อกล่องอาหารคูลๆ พร้อมโลโก้ คลิกเลย